หลายคนอาจจะคุ้นเคยกับคำว่า “ไฟแนนซ์” หรือ “จัดไฟแนนซ์” แต่ “สินเชื่อรถ” ถือเป็นภาพรวมที่ใหญ่กว่านั้น การเข้าใจคำนี้อย่างถ่องแท้ จะช่วยให้คุณเลือกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด ไม่ว่าจะซื้อรถคันใหม่ หรือใช้รถคันเดิมมาเปลี่ยนเป็นเงินสด บทความนี้จะมาไข สินเชื่อรถ คืออะไร ทุกข้อข้องใจให้เคลียร์ จบในที่เดียวครับ
สินเชื่อรถ คืออะไร
หากจะนิยามให้เข้าใจง่ายที่สุด “สินเชื่อรถ” (Auto Loan) คือ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทหนึ่งที่สถาบันการเงิน (เช่น ธนาคาร หรือ ไฟแนนซ์) เสนอให้แก่ลูกค้า โดยมี “รถยนต์” เป็นปัจจัยหลักในการพิจารณา
โดย “สินเชื่อรถ” สามารถตอบโจทย์ความต้องการหลักๆ ได้ 2 อย่าง คือ:
- เพื่อ “ซื้อรถ” (ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ป้ายแดง หรือรถมือสอง)
- เพื่อ “นำรถที่มีอยู่” มาเป็นหลักประกันในการขอ “เงินสด” ไปใช้จ่าย
ดังนั้น เมื่อคุณได้ยินคำว่า “สินเชื่อรถ” ต้องถามต่อทันทีว่า เป็นสินเชื่อสำหรับ “ซื้อรถ” หรือ “แลกเงิน” เพราะทั้งสองแบบมีรายละเอียดและวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ
เปิดประเภท “สินเชื่อรถ” ที่คุณต้องรู้จัก (แบ่งตามการใช้งาน)
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน เราสามารถแบ่งประเภทของ “สินเชื่อรถ” ออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ที่คนไทยนิยมใช้กันครับ
1. สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ (Hire Purchase) – “สินเชื่อสำหรับซื้อรถ”
นี่คือประเภทที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคยที่สุด เวลาที่เราพูดว่า “จัดไฟแนนซ์ซื้อรถ” นั่นแหละครับ
- คืออะไร: คือการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน (ไฟแนนซ์) เพื่อไปจ่ายค่ารถให้กับโชว์รูมหรือเต็นท์รถ โดยเราจะต้องจ่าย “เงินดาวน์” (Down Payment) ส่วนหนึ่งก่อน
- ทำงานอย่างไร: ไฟแนนซ์จะเป็นผู้จ่ายเงินส่วนที่เหลือให้ผู้ขาย จากนั้น “กรรมสิทธิ์” ในรถคันนั้นจะเป็นของไฟแนนซ์ ส่วนเราจะมีสถานะเป็น “ผู้เช่าซื้อ” มีหน้าที่ผ่อนชำระค่างวดจนครบตามสัญญา
- จุดสำคัญ: คุณจะได้รถมาขับ แต่เล่มทะเบียนจะถูกเก็บไว้ที่ไฟแนนซ์ และกรรมสิทธิ์จะโอนมาเป็นชื่อคุณก็ต่อเมื่อ “ผ่อนงวดสุดท้าย” ครบถ้วนแล้ว
2. สินเชื่อรถแลกเงิน (Car for Cash) – “สินเชื่อจำนำทะเบียน”
นี่คือสินเชื่อสำหรับคนที่มีรถ (ปลอดภาระ หรือยังผ่อนอยู่ก็ทำได้ในบางกรณี) และต้องการเงินก้อนไปใช้ในยามฉุกเฉิน หรือหมุนเวียนธุรกิจ
- คืออะไร: คือการนำ “รถยนต์” ที่เราเป็นเจ้าของ (หรือผู้ครอบครอง) มาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อขอวงเงินสินเชื่อ
- ทำงานอย่างไร: ไฟแนนซ์จะประเมินราคารถของคุณ และอนุมัติวงเงินให้ตามสัดส่วน (เช่น 80% – 100% ของราคาประเมิน)
- จุดสำคัญ: คุณยังได้ “รถขับเหมือนเดิม” ไม่ต้องจอดรถทิ้งไว้ (ต่างจากการจำนำจอด) เพียงแต่นำ “เล่มทะเบียนตัวจริง” ไปให้ไฟแนนซ์เก็บไว้เป็นประกัน (จึงเรียกว่า จำนำทะเบียน)
รู้ลึกขึ้นอีกนิด: สินเชื่อรถแลกเงิน ยังแบ่งย่อยได้อีก 2 แบบ
- แบบจำนำทะเบียนรถ (ไม่ต้องโอนเล่ม): ง่ายและเร็วที่สุด ชื่อในเล่มยังเป็นชื่อเรา แค่ฝากเล่มไว้
- แบบโอนเล่ม (เช่าซื้อกลับ): ต้องโอนกรรมสิทธิ์รถให้เป็นชื่อไฟแนนซ์ก่อน แล้วเราทำสัญญาผ่อนกลับ (มักได้วงเงินสูงกว่า)
3. สินเชื่อรีไฟแนนซ์รถยนต์ (Car Refinance)
นี่คือสินเชื่อสำหรับคนที่ “กำลังผ่อนรถ” อยู่ แต่ต้องการปรับเงื่อนไขสัญญาเดิม
- คืออะไร: คือการ “ย้ายไฟแนนซ์” หรือการขอสินเชื่อก้อนใหม่กับสถาบันการเงินแห่งใหม่ เพื่อนำเงินก้อนนั้นไป “ปิดหนี้” ที่ไฟแนนซ์เดิม
- ทำงานอย่างไร: ไฟแนนซ์ใหม่จะประเมินราคารถของคุณ หากวงเงินที่ได้สูงกว่าหนี้เดิมที่ค้างอยู่ คุณก็จะได้รับ “เงินส่วนต่าง” กลับไปใช้ และเริ่มต้นผ่อนค่างวดใหม่กับไฟแนนซ์ใหม่
- จุดสำคัญ: มักทำเพื่อ 2 วัตถุประสงค์ คือ 1) ต้องการ “เงินส่วนต่าง” (เงินทอน) หรือ 2) ต้องการ “ลดดอกเบี้ย” หรือ “ยืดระยะเวลาผ่อน” ให้นานขึ้น ทำให้ค่างวดต่อเดือนถูกลง
คำศัพท์สำคัญที่ต้องรู้ เมื่อพูดถึง “สินเชื่อรถ คืออะไร”
เพื่อให้การขอสินเชื่อของคุณราบรื่น การเข้าใจคำศัพท์เหล่านี้จะช่วยให้คุณคุยกับเจ้าหน้าที่ไฟแนนซ์ได้รู้เรื่องมากขึ้นครับ
- ไฟแนนซ์ (Finance): ในภาษาพูด หมายถึง สถาบันการเงินหรือบริษัทที่ให้บริการสินเชื่อรถ (เช่น ธนาคาร หรือ Non-Bank)
- ยอดจัด (Loan Amount): คือจำนวนเงิน “ต้น” ที่ไฟแนนซ์อนุมัติให้คุณกู้ (ไม่รวมดอกเบี้ย)
- เงินดาวน์ (Down Payment): เงินก้อนแรกที่คุณต้องจ่ายให้ผู้ขายใน “สินเชื่อเช่าซื้อ” ยิ่งดาวน์สูง ยอดจัดยิ่งต่ำ ค่างวดก็ยิ่งถูก
- ดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate): อัตราดอกเบี้ยที่ใช้ใน “สินเชื่อเช่าซื้อ” จะคิดจากเงินต้นทั้งก้อนตั้งแต่แรก แล้วหารเฉลี่ยตลอดอายุสัญญา
- ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก (Effective Rate): อัตราดอกเบี้ยที่ใช้ใน “สินเชื่อรถแลกเงิน” หรือ “รีไฟแนนซ์” (ตามกฎหมายใหม่) ดอกเบี้ยจะถูกคิดจากเงินต้นที่คงเหลืออยู่จริง (ยิ่งโปะ เงินต้นยิ่งลด ดอกเบี้ยยิ่งถูกลง)
- ผู้ค้ำประกัน (Guarantor): บุคคลที่มาเซ็นสัญญารับผิดชอบหนี้ร่วมกับคุณ ในกรณีที่คุณไม่สามารถชำระหนี้ได้ (ปัจจุบันหลายสินเชื่อ ไม่จำเป็นต้องมีคนค้ำ หากผู้กู้คุณสมบัติผ่าน)
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับสินเชื่อรถ
Q1: “สินเชื่อรถ” กับ “ไฟแนนซ์” ต่างกันยังไง?
A: “สินเชื่อรถ” คือ “ประเภทของบริการ” ทางการเงิน (เช่น สินเชื่อเช่าซื้อ, สินเชื่อรถแลกเงิน) ส่วน “ไฟแนนซ์” คือ “ผู้ให้บริการ” หรือบริษัทที่ให้เงินกู้ก้อนนั้นแก่เราครับ
Q2: ติดเครดิตบูโร (ติดแบล็กลิสต์) ขอสินเชื่อรถได้ไหม?
A: ยากมากครับ สถาบันการเงินที่ถูกกฎหมายส่วนใหญ่จะตรวจสอบประวัติเครดิตบูโร หากมีประวัติค้างชำระ โอกาสในการอนุมัติสินเชื่อทุกประเภท (ทั้งซื้อรถและแลกเงิน) จะน้อยลงมาก หรือแทบไม่มีเลย จนกว่าจะเคลียร์สถานะให้เป็นปกติก่อนครับ
Q3: ไม่มีสลิปเงินเดือน (อาชีพอิสระ/ค้าขาย) ขอสินเชื่อรถได้ไหม?
A: ได้แน่นอนครับ แต่คุณต้องเตรียมเอกสารอื่นเพื่อพิสูจน์ที่มาของรายได้ให้ชัดเจน เช่น รายการเดินบัญชีย้อนหลัง (Statement) 6 เดือน, ทะเบียนการค้า (ถ้ามี), บิลซื้อ-ขายของ, หรือรูปถ่ายหน้าร้าน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับไฟแนนซ์
Q4: “จำนำรถ” กับ “สินเชื่อรถแลกเงิน” เหมือนกันไหม?
A: คล้ายกันแต่ไม่เหมือนทั้งหมดครับ “สินเชื่อรถแลกเงิน” (จำนำทะเบียน) คือการกู้แบบถูกกฎหมายที่ “ไม่ต้องจอดรถ” ยังมีรถใช้ปกติ แต่ “การจำนำจอด” (ที่มักเรียกสั้นๆ ว่าจำนำรถ) คือการนำรถไปจอดทิ้งไว้กับผู้รับจำนำ (มักเป็นเต็นท์รถหรือบุคคล) เพื่อแลกเงินด่วน ซึ่งอาจมีความเสี่ยงและอาจเป็นบริการนอกระบบได้
เลือก “สินเชื่อรถ คืออะไร” ให้ถูกประเภท
“สินเชื่อรถ” เป็นเครื่องมือทางการเงินที่มีประโยชน์มหาศาลหากใช้ให้ถูกทาง ก่อนที่คุณจะตัดสินใจกู้ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า คุณต้องการสินเชื่อนี้ไปทำอะไร?
- ถ้าต้องการ “ซื้อรถ” ให้มองหา “สินเชื่อเช่าซื้อ”
- ถ้า “มีรถ” และต้องการ “เงินสด” ให้มองหา “สินเชื่อรถแลกเงิน” (จำนำทะเบียน)
- ถ้า “กำลังผ่อนรถ” และต้องการ “เงินเพิ่ม” หรือ “ลดค่างวด” ให้มองหา “สินเชื่อรีไฟแนนซ์”
การเข้าใจประเภทของสินเชื่อรถอย่างชัดเจน จะช่วยให้คุณประหยัดเวลา และได้รับข้อเสนอทางการเงินที่ตอบโจทย์ชีวิตคุณได้ดีที่สุดครับ
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่
ข้อมูลเว็บสินเชื่อรถยนต์จากธนาคารแห่งประเทศไทย
